หากพูดถึง "ไม้ปาร์เก้" คิดว่าทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะพื้นไม้ปาร์เก้นี้จัดว่าเป็นพื้นปูบ้านรุ่นแรกๆที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายมาก ลองไปดูบ้านจัดสรรรุ่นเก่าๆได้เลย ส่วนใหญ่แล้วชั้นบน ห้องนอนต่างๆจะปูด้วยไม้ปาร์เก้ทั้งนั้น
แต่ปัจจุบันบ้านจัดสรรเปลี่ยนเทรน์ดพื้นบ้านกันใหม่จากที่คยใช้ไม้ปาร์เก้ก็เปลี่ยนมาเป็นไม้ลามิเนตกันมากขึ้น มากจนแทบจะไม่มีการปูพื้นด้วยไม้ปาร์เก้หลงเหลืออยู่เลย ที่เป็นอย่างนี้เป็นเพราะว่าไม้ลามิเนตมันดีกว่าไม้ปาร์เก้ หรือเพราะว่ามันถูกกว่าเจ้าของโครงการก็เลยเลือกใช้เพราะต้องการลดต้นทุน วันนี้เราจะได้รู้กัน เพราะ Homeenrich จะมาเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียระหว่างไม้ปาร์เก้และไม้ลามิเนตให้ดูกัน เอาแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันกันเลยทีเดียว เอาล่ะครับมาเริ่มกันเลยดีกว่า
ความทนทาน ใช้งานยาวนาน
เรื่องความทนทานและการใช้งานที่ยาวนั้นไม้ปาร์เก้ชนะแบบใสๆแน่นอน เพราะไม้ไม้ปาร์เก้ทำมาจากไม้จริง เพียงแต่มาตัดแบ่งให้เป็นแผ่นเล็กแล้วเวลาปูก็เอามาต่อกัน ส่วนไม้ลามิเนตเป็นไม้ปลอม คืออาจมีเนื้อไม้ผสมอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่ไม้ที่มาเป็นแผ่นๆเหมือนไม้ปาร์เก้ เพราะฉะนั้นเรื่องความแข็งแรง การทนแรงกระแทก การรับน้ำหนักไม้ปาร์เก้ทำได้ดีว่าแน่นอน อายุการใช้งานของไม้ไม้ปาร์เก้ยาวนานจนชั่วลูกชั่วหลาน 20-30 ปีว่าไป ในขณะที่ไม้ลามิเนตนั้นอายุการใช้งานจะประมาณ 5-10 ปีเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพแวดล้อมด้วยว่าเป็นอย่างไร
ทนต่อรอยขีดข่วน
เรื่องการทนต่อรอยขีดข่วนนั้นไม้ปาร์เก้จะสู้ไม้ลามิเนตไม่ได้ โดนอะไรขีดข่วนจะเป็นรอยได้ง่ายกว่า เพราะไม้ปาร์เก้เป็นไม้จริงส่วนหน้าไม้ก็จะเคลือบแลคเกอร์เคลือบเงาบางๆเอาไว้เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้มาก ในขณะที่ไม้ลามิเนตมันถูกผลิตขึ้นมาด้วยเทคโนโลย ซึ่งมีการทำเรื่องป้องกันรอยขีดข่วนไว้ด้วย ถึงจะไม่ดีอะไรมากแต่ที่แน่ๆดีกว่าไม้ปาร์เก้แน่นอน
การทนน้ำ
ทั้งไม้ปาร์เก้และไม้ลามิเนตนั้นจัดเป็นพื้นไม้ที่ไม่ถูกกับน้ำทั้งคู่ คือไม่ทนน้ำและความชื้น แต่ลามิเนตจะหนักกว่า คือบางทีโดนน้ำหรือความชื้นอะไรนิดหน่อยๆก็บวมแล้ว ในขณะที่ไม้ปาร์เก้ก็ยังพอทนได้ แต่ถ้าเจอหนักๆไม้ปาร์เก้ก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
ระยะเวลาในการปูพื้น
ไม้ปาร์เก้ใช้เวลาและมีขั้นตอนในการปูเยอะกว่า ถึงแม้ว่าการทำจะใกล้เคียงกัน คือเตรีมพื้นให้เรียบสม่ำเสมอ และเอาไม้มาปูทับลงไป แต่ไม้ลามิเนทมันแผ่นใหญ่ แถมปูเสร็จแล้วไม่ต้องขัดผิวหน้าอีก ปูแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว สมมุติว่าปูพื้นบ้านด้วยลามินเนตใช้เวลา 1 วัน ปูพื้นด้วยปาร์เก้ก็จะใช้เวลา 2-3 วันเลยทีเดียว
การบำรุงรักษา ทำความสะอาด
เรื่องการบำรุงรักษาและทำความสะอาดนั้นพื้นไม้ลามิเนตจะทำความสะอาดได้ง่ายกว่า เพราะมีรอยต่อของแผ่นไม้ไม่เยอะเหมือนกับพื้นไม้ปาร์เก้ อย่างบางทีถ้าบ้านเรามีฝุ่นเยอะๆมันก็จะไปติดตามซอกไม้ปาร์เก้ที่มีอยู่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ส่วนเรื่องการทำความสะอาดนั้นต้องทำเหมือนกัน คือเวลาถูบ้านอย่าใช้ผ้าที่เปียกหรือชุ่มน้ำมากเกินไป เพราะน้ำมันอาจจะเข้าไปตามซอกไม้ ทำให้เกิดความชื้น อาจทำให้ไม้บวมหรือหลุดร่อนได้ง่าย แล้วเวลาน้ำหกใส่พื้นก็ต้องรีบเช็ดทันที ไม่งั้นก็บวมอีกเหมือนกัน ยุ่งยากเหมือนกันนะ
สัมผัสเวลาเหยียบที่พื้น
เรื่องอารมณ์เวลาเหยีบที่พื้นนั้นผมว่าไม้ปาร์เก้ทำได้ดีกว่า คือเวลาเหยีบลงไปมันรู้สึกแน่น มั่นคง แข็งแรง ในขณะที่เราเหยียบลงบนพื้นลามิเนตมันจะรู้สึกยวบๆ ยุบๆลงไป ถ้าปูไม่ดีก็จะมีเสียงดังส้างความน่ารำคาญได้เหมือนกัน
การซ่อมแซมเวลาพื้นพัง
เรื่องการซ่อมแซมนั้นไม้ลามิเนตจะซ่อมง่ายกว่าเพราะสามารถซ่อมได้เป็นจุดๆ เสียแผ่นไหนก็ซ่อมแผ่นนั้น แต่ถ้าไม้ทีเราเคยใช้มันไม่มีขายแล้วก็แย่เหมือนกัน ในขณะที่ไม้ปาร์เก้นั้นเวลาเสีย เช่น ไม้หลุดล่อนมันก็ซ่อมเฉพาะจุดได้เหมือนกัน ก็แค่หาไม้มาแทนทากาวแล้วเอาไปแปะ แต่เวลาขัดพื้นหรือเคลือบเงาใหม่มันก็ต้องลงพร้อมกันหมดทั้ง floor มันก็ยุ่งยากกว่านะผมว่า
ราคา
ไม้ปาร์เก้แพงกว่าลามิเนตแน่นอน เพราะมันทำมาจากไม้จริงๆ ต้นทุนก็เลยสูงกว่า อย่างเวลาทำพื้นไม้ปาร์เก้ตารางเมตรหนึ่งประมาณ 1,500-2,500 ขึ้นไป ในขณะที่ไม้ลามิเนตนั้นตารางเมตละประมาณ 800-1,000 กว่าบาท ขึ้นอยู่กับเกรดไม้ที่เลือกใช้อีกทีครับ
สุดท้ายนี้ขอสรุปถ้าใครจะปูพื้นบ้านใหม่แล้วชอบความเป็นธรรมชาติ ความแข็งแรงคงทน มีงบเยอะหน่อยก็เลือกไม้ปาร์เก้ แต่ถ้าใครชอบแบบทันสมัย ดูแลรักษาง่าย ราคาย่อยเยาว์ก็เลือกไม้ลามิเนต แต่ถ้าถามผมผมชอบไม้ปาร์เก้มากกว่านะ ผมว่ามันดูสวยดี ขัดเงาหน่อยนี่บ้านดูหรูหราขึ้นมาทันทีเลยนะ แต่ก็อย่างว่า ของอย่างนี้มันอยู่ที่ความชอบของแต่ละคน จริงมั้ยครับ
0 ความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น